Meet MyFriends! โปรเจคจับ-ทำหมัน-ส่งคืน (TNR) กับคุณอเล็กซานดรา
-
MyFriend Team
- - สิงหาคม 24, 2023
ในโลกแห่งการส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ มีฮีโร่มากมายที่ทุ่มเทและมีความเห็นอกเห็นใจให้กับเหล่าสัตว์เลี้ยงอย่างเต็มเปี่ยม หนึ่งในผู้กล้าของเหล่าแมวเหมียวอย่างคุณอเล็กซานดราป็นบุคคลที่น่าจดจำที่สุด ในฐานะผู้ริเริ่มทำโปรเจคจับ-ทำหมัน-ส่งคืน (TNR) ด้วยตนเอง
ด้วยความรักและความตั้งใจที่แน่วแน่ เธอมีความตั้งใจในการทำภารกิจเพื่อเหล่าแมวจรและเรียนรู้เรื่องความท้าทายที่เกิดขึ้นจากการทำโปรเจคดังกล่าว บทสัมภาษณ์สุดพิเศษในวันนี้จะพาทุกคนมาร่วมเดินทางไปกับคุณอเล็กซานดรา แรงบันดาลใจ และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากตัวเธอไปสู่ชีวิตของเพื่อนรักแมวจรนับไม่ถ้วน
ฉันชื่ออเล็กซ์ ฉันอยู่แล้วก็ทำงานในไทยมามากกว่า 10 ปีแล้วค่ะ
มันเหมือนจะเป็นเหตุบังเอิญมากกว่านะคะ ฉันเป็นคนรักสัตว์มาตลอดอยู่แล้ว ตั้งแต่ไหนแต่ไรเลย แล้วพอย้ายเข้ามาในอพาร์ทเมนต์ใหม่ ที่นั่นมีแมวอยู่แล้วด้วยค่ะ น้อง ๆ เขาไม่ได้รับการดูแลที่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้มีใครมาสนใจ ฉันก็เลยเริ่มให้อาหารน้อง ๆ ค่ะ ส่วนใหญ่ก็ทำหมันไปแล้ว ฉันก็คิดว่า “โอเค ดีนะ” ฉันทำหมันตัวที่เหลือแล้วก็ดูแลพวกเขาค่ะ
สักประมาณ 2-3 ปีก่อน ฉันสังเกตเห็นว่าในซอยมีแมวจรเยอะมาก น้อง ๆ เขาก็ผลุบ ๆ โผล่ ๆ มาให้เห็น แต่ดูไม่ได้สภาพดีนัก พวกเขาจะรวมตัวอยู่กันในพื้นที่นึง ฉันก็คิดว่า “โอเค ฉันให้อาหารแมวตัวเองอยู่แล้ว ก็มาให้พวกเขาด้วยแล้วกัน” ฉันเริ่มให้อาหารพวกเขา เริ่มรู้จักสภาพแวดล้อม แล้วถึงได้สังเกตว่ามันเป็นปัญหาใหญ่มาก คือมันมีแมวเยอะมาก ลูกแมวก็เยอะมาก แล้วพวกเขาไม่ได้มีชีวิตที่ดีเลย ฉันไม่รู้ว่าพวกเขามาจากไหน คิดว่าคงมีคนเอาอาหารคนมาให้กินบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่ยั่งยืนสักเท่าไหร่ ฉันเริ่มต้นมันก็มาจากเหล่าแมวที่เป็นมิตรกับฉัน ฉันคิดว่า “โอเค ฉันจะอุ้มเธอนะ ฉันพาไปฉีดวัคซีน ไปทำหมัน แล้วจะพามาส่งนะ” และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นค่ะ แมวตัวแรกของฉันชื่อสปอตตี้ เขายังคงอยู่ตรงนั้นแล้วก็ยังคงน่ารักมาก ๆ เหมือนเดิม
ฉันคิดว่าในสภาพแวดล้อมแบบนี้ TNR เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ยังไงก็ต้องทำ เพราะโชคร้ายที่ในไทยไม่มี… คือคุณมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของแมวและสุนัข แต่ว่าไม่ได้มีกฎ ไม่มีการลงทะเบียน ไม่มีไมโครชิป ทีนี้ปัญหาก็เกิดตรงที่ อากาศก็ดี แมวก็หาของกินง่ายทุกที่ ทั้งถังขยะ ทั้งหนู ถ้าไม่ควบคุมตรงนี้จำนวนมันจะพุ่งขึ้นค่ะ
แมวตัวเมียสามารถตั้งท้องได้ตั้งแต่อายุแค่ 6 เดือนเอง แล้วใน 1 ปีก็สามารถมีลูกแมวได้ 3-4 คอก ลองคำนวณดู ถ้าไม่ดูแลตรงนี้ก็จะควบคุมไม่ได้เลย อีกอย่างคือมันเป็นอะไรที่มาพร้อมกับความเจ็บปวดทรมาน เพราะเวลาแมวท้อง มีลูก บางตัวก็ตายระหว่างคลอด ลูกแมวบางตัวก็ตาย แมวตัวผู้ ถ้าไม่ได้ทำหมันก็ทรมานเหมือนกัน เพราะเขาจะมีอาการหวงแหนอาณาเขตมาก ๆ
แน่นอนว่าในโลกที่สมบูรณ์แบบเราก็อยากที่จะจับเขา รับเขามาเลี้ยง หาบ้านที่ดีให้ แต่มันเป็นสิ่งที่ทำจริงไม่ได้ ฉันคิดว่า TNR เป็นวิธีเดียวที่จะสามารถควบคุมประชากรสัตว์จรได้ ซึ่งเป็นประโยชน์กับเหล่าแมวใช่มั้ยคะ เพราะถ้าแมวไม่มีลูก แมวไม่ตีกัน ทุกอย่างมันก็ดีขึ้นค่ะ
เราจะมีประชากรสัตว์เลี้ยงที่ไม่เยอะเกินการควบคุม แล้วในขณะเดียวกันก็จะมีประโยชน์กับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ด้วย เพราะบางอย่างที่ฉันสังเกตได้ และมาจากการพูดคุยกับคนก็คือ แมวเหล่านี้เป็นสิ่งที่สร้างความรำคาญให้กับผู้คนมาก ๆ เลยใช่มั้ยคะ เพราะพวกเขาอยู่ตรงนั้น ฉี่ตรงนี้ อึ๊ตรงนู้น ส่งเสียงร้องแล้วก็ทำให้คนรำคาญ
คนที่เขาทำอะไรก็ไม่รู้ ทำสิ่งที่ห้ามทำ เพื่อกำจัดแมวเหล่านี้ไป ฉันคิดว่าถ้าเราสามารถควบคุมสถานการณ์ด้วย TNR มันจะเป็นวิธีเดียวที่จะรับมือกับปัญหาแมวจรบนถนนเหล่านี้ได้ค่ะ
แล้วฉันก็คิดว่าเราควรทำมากกว่านั้นด้วย ถ้าหากมีทรัพยากรมากพอ คือเพิ่มการฉีดวัคซีนเข้าไป เพราะวัคซีนจะช่วยปกป้องแมวจากอาการเจ็บป่วย แล้วถ้ามากไปกว่านั้นอีกก็คือต้องการคนให้อาหารเพื่อให้แน่ใจว่าแมวในโซนนี้ได้กินอิ่มนะ จะทำให้มองเห็นปัญหาของมัน มันเป็นภาพรวม ไม่ใช่แค่การ TNR อย่างเดียว TNR เป็นเหมือนหัวใจสำคัญ เป็นดาว แต่นอกเหนือจากตรงนี้ ถ้าต้องการรักษาสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับแมวและมนุษย์ มันต้องมีขั้นตอนอื่น ๆ ด้วย
เราต้องให้วัคซีน เราต้องให้อาหาร เราต้องมีคนคอยสอดส่องดูแล เช่น แมวตัวนั้นมีปัญหา หรือตรงนี้มีแมวที่ยังไม่ได้ทำหมัน เราถึงจะสามารถควบคุมตรงนี้ได้ มันเป็นปัญหาใหญ่ที่มีวิธีแก้ แต่มันอาจจะไม่ได้ง่ายหรือทำได้ทันทีขนาดนั้น
อาจจะเป็นความเข้าใจผิด เพราะฉันเคยเจอจากประสบการณ์ที่ค่อนข้างจำกัดนะคะ คือผู้คนมักจะบอกว่า “ก็ไปให้อาหารมัน! มันเลยมาไง” แล้วฉันก็บอกว่า “ไม่ พวกเขาอยู่มาก่อนฉันแล้ว เขาคุ้ยขยะของคุณกิน สุขภาพไม่ดีแล้วก็มีโรค แต่เขาอยู่ตรงนี้มาอยู่แล้ว”
สิ่งที่ฉันทำก็คือให้แน่ใจว่าพวกเขาอยู่ตรงนี้ แต่มีสุขภาพที่ดี และไม่มีตัวอื่น ๆ มาเพิ่มอีก เพราะฉันมีคนที่แนะนำมาว่า “ฉันอยากจะฆ่ามันไป” ฉันแบบ “โอ้! พระเจ้า” ใช่มั้ย คือนอกจากมันจะผิดกฎหมายแล้ว มันยังไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาด้วย เพราะมันมีสิ่งที่เรียกว่า Vacuum Effect เอาเป็นว่าถ้าเรากำจัดแมวไปหมด โอเค มันก็จะหายไปสักเดือนสองเดือน มีน้อยลงจริง แต่แหล่งอาหารก็ยังอยู่ ถังขยะก็ยังอยู่ ร้านอาหารก็ยังอยู่ เดี๋ยวแมวใหม่ก็มาเอง ปัญหานี้ก็จะยังเกิดขึ้นอีกซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ คุณจะมีแมวที่เป็นโรค แมวที่ป่วย และแมวที่ยังไม่ได้ทำหมัน ในขณะที่ประโยชน์ของ TNR คือ เรามีหลักแหล่งที่มั่นคง เพราะแมวเป็นสัตว์ที่หวงแหนอาณาเขต จะไม่มีแมวตัวใหม่เข้ามา คืออาจจะมีบ้าง ตัวสองตัว ขึ้นอยู่กับว่าฝูงจะรับมั้ย แต่ถ้าสองตัวเข้ามามันก็แค่นั้น
มันเหมือนเป็นการสร้างพื้นที่ให้พวกเขา เป็นการระบุความต้องการของแมว และความต้องการของคนที่อยู่รอบ ๆ ในบริเวณนั้นด้วย ฉันคิดว่าเรื่องใหญ่ที่สุดคือ “ก็ไปให้อาหารมัน! มันเลยมาไง” คือมันเป็นสิ่งที่ไม่จริงเลย ลองดูรอบตัวสิ แมวเขาอยู่อยู่แล้ว อยู่ทุกที่ ไม่ว่ามนุษย์จะให้อาหารมั้ยเขาก็อยู่ แต่ถ้าคุณมีคนที่มีความรับผิดชอบในการให้อาหารเขาแล้วก็ทำ TNR แมวก็จะมีหลักแหล่งที่ดี ที่ไม่มีโรคติดต่อ แล้วก็มั่นคง มันไม่ใช่ว่า “โอ้ ผู้หญิงบ้าแมวมาอีกแล้ว” มันมีกฎการให้อาหารอยู่ใช่มั้ย? เราไม่ได้ให้อาหารแบบบุฟเฟ่ต์นะ จะแค่ทิ้งอาหารไว้เยอะ ๆ ไม่ได้ ต้องให้แน่ใจว่าปริมาณอาหารมันจะเพียงพอกับจำนวนแมวด้วย จะได้ไม่มีหนู ไม่มีนกพิราบมากินส่วนที่เหลือ มันก็เป้นเรื่องของวิทยาศาสตร์ถ้าเราทำถูกต้องค่ะ
ฉันเริ่มต้นจับแมวไปทำหมันด้วยการวิ่งไปมาพร้อมกับกรงแมวและอาหารค่ะ เอาแมวที่เป็นมิตรหน่อยใส่กรง เริ่มต้นมาแบบนั้น มันก็ได้แมวที่เขาเชื่อใจเราประมาณนึง แต่มันก็ไม่โอเคสำหรับแมวที่เขาดุร้ายกว่า แมวที่ไม่เชื่อใจเรา เพราะเราก็ไม่สามารถทำให้แมวทุกตัวเชื่อใจเราได้
แมวทุกตัวมีความแตกต่างกันค่ะ อันนี้น่าจะเป็นความท้าทายส่วนตัวของฉัน ฉันไม่รู้ในเรื่องนี้ตอนที่เริ่มทำ ฉันเริ่มต้นทำมันเพราะฉันแค่อยากช่วยเหลือ แต่สุดท้ายฉัน จนถึงตอนนี้ก็ยังอยู่กับสถานการณ์ที่ฉันมีแมวครึ่งนึงของฝูงที่ทำหมันแล้วและนิสัยเป็นมิตร แต่อีกครึ่งยังไม่ได้ทำหมันแล้วก็ไม่ใจดีด้วย เราจะเอาเขามาทำได้ยังไงใช่มั้ยคะ? ตอนที่ฉันเริ่มตามหา ส่วนใหญ่บนเฟซบุ๊ค หาคนที่คิดเหมือน ๆ กัน ที่ทำสิ่งนี้มานานกว่า มีประสบการณ์มากกว่า แล้วก็ช่วยฉันคิดว่าจะทำยังไงได้บ้าง เป็นสิ่งที่กำลังหาวิธีอยู่ค่ะ
เพราะพอถึงจุดนึง คุณจะต้องการความช่วยเหลือค่ะ ถ้าปัญหามันใหญ่เกินไป เราตัวคนเดียวที่เข้าใจเรื่องนี้แค่เบื้องต้น ฉันแต่ไม่สามารถเข้าใกล้แมวดุได้เลยค่ะ ลองมาแล้ว เจ็บมาเยอะ ฉันต้องไปโรงพยาบาลเลย โดนกัดหนักมาก มันไม่ใช่ความผิดของแมวหรอก เป็นความผิดของฉันเองค่ะ มันแทบจะไม่เคยเป็นความผิดของสัตว์เลย มันเป็นที่มนุษย์เสมอ เพราะเรามองท่าทีเขาไม่ออกเอง อันนี้ก็เป็นความท้าทายมากเหมือนกัน ถ้าคุณเริ่มเหมือนฉัน “มาดูกัน มาช่วยน้อง” แล้วก็จะเห็นว่า “เอาแล้ว เรื่องใหญ่กว่าที่คิดนะ ตอนนี้จะทำยังไงดีล่ะ?
อีกหนึ่งปัญหาก็คือมนุษย์โดยทั่ว ๆ ไปค่ะ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจเรื่องนี้ สำหรับคนเหล่านี้ แมวเป็นสิ่งที่สร้างความรำคาญ พอเขาเห็นเราให้อาหารก็จะบอกว่า “ทำไมทำแบบนั้น? มันสกปรกนะ” หลายคนถามฉันว่า “ทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไร?” แล้วฉันก็บอกว่า “ไม่ได้ค่ะ ฉันช่วยเพราะอยากช่วย แล้วมันก็ทำให้ฉันมีความสุขที่เห็นพวกเขามีความสุข มีความสุขที่สุดที่พวกเขาจะมีได้ในสถานการณ์แบบนี้ บางทีมันก็เป็นภัยคุกคามในรูปแบบมนุษย์บางคนนี่แหละค่ะ ต่อให้ไม่มีใครมาช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงแบบนี้ แต่มนุษย์บางคนก็ยังพูดว่า “ฆ่าให้หมดไปเลย” หรือมาโยนหินใส่น้องอยู่ดี ฉันอยากจะตะโกนใส่คนพวกนี้สักที แต่เราก็ต้องพึ่งพาคอมมูนิตี้เหมือนกัน มันเหมือนเป็นการพูดคุยกับคนที่อยู่ในละแวกเพื่อให้เขาเข้าใจว่าเรามาทำอะไร เราไม่ได้มาทำร้ายใคร เราแค่อยากจะช่วยแมว แล้วก็ช่วยเหลือคอมมูนิตี้ต่อไป
เริ่มจากเรื่องที่ท้าทายก่อนแล้วกันนะคะ เพราะว่ามันมีโมเมนต์ที่ใจสลายเยอะใช่มั้ย? เพราะว่ามันมีแมวที่เราช่วยไว้ไม่ได้ แมวที่เจอว่าเสียชีวิตไปแล้วเพราะถูกรถชน มีภัยคุกคามหลายอย่างจากภายนอก ส่วนใหญ่ก็มาจากมนุษย์ อย่างตอนที่ฉันให้อาการแมวที่อพาร์ทเมนต์ ฉันไม่รู้ว่าจะให้อาหารเขาได้นานแค่ไหน มันมีความไม่แน่นอนหลายอย่างมาก แมวฝูงแรก ๆ ที่ฉันช่วย ฉันเรียกว่าเป็นเหล่าแมวทั้งสิบ เป็นฝูงที่ฉันจับไปทำหมันเองค่ะ สองตัวในนั้น น้องแพทตี้กับอะธีน่า ณ จุดหนึ่งเขาก็หายตัวไปแล้วเราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่กลับมาอีก มันเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดที่ก็ต้องยอมรับให้ได้
แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีช่วงเวลาที่ดีที่สุดกับโจ เขาเป็นแมวเบอมีส แล้วตอนนั้นก็สภาพแย่มาก ฉันมีรูปเขาก่อนและหลัง เขาสภาพแย่มาก และเราคิดว่าคงจะไม่รอด แต่ก็รอด เขามีชีวิตต่อมาแล้วจนตอนนี้ก็กลายเป็นแมวรูปหล่อเลย เขาหล่อมาก มีบ้านใหม่แล้ว แล้วฉันก็ยังติดต่อกับคุณพ่อคุณแม่ของเขาอยู่
บางทีพวกเขาก็ส่งรูปมาให้ฉัน อย่างวันนี้ก็เพิ่งได้ข้อความ “พวกเรากำลังจะไปพักร้อน อยากจะขอให้ช่วยเป็นพี่เลี้ยงโจสักสัปดาห์ได้มั้ย?” มันเป็นอะไรแบบนี้แหละที่ทำให้เรามีความสุข เรื่องราวของการรับเลี้ยงน้อง ๆ ใช่มั้ยคะ? แมวตัวนึงของฉันก็เคยวิ่งตามผู้หญิงคนนึงไปที่ถนน เธอก็ชวนฉันไปบ้านตลอด แค่เห็นว่าพวกเขามีบ้านใหม่ที่ดีมันก็คุ้มค่าแล้วค่ะ
ขอย้ำอีกครั้งว่ามันไปไกลกว่าแค่ TNR มาก TNR เป็นเหมือนใจกลาง แต่ถ้ามีลูกแมวที่ยังทำหมันไม่ได้ เราก็เอาเขาไปคืนที่ไม่ได้ ที่จะบอกคือฉันพยายามหาบ้านให้พวกเขาค่ะ แล้วนอกจากนั้นก็จะมีแมวป่วยบ้างอย่าง โจ จะเอาเขากลับไปไว้ที่เดิมก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะกว่าเขาจะรักษาหาย เขาก็คุ้นชินกับมนุษย์ไปแล้ว เอากลับไปไม่ได้แล้ว
หรือเรื่องของเทดดี้ ดีเหมือนกัน เขาน่ารักมาก ฉันพาเขามาตั้งแต่ตอนยังเป็นลูกแมว เขาถูกรถชน กระดูกเชิงกรานแตกเป็นเสี่ยง ๆ กระดูกโคนขาหัก หมอก็บอกว่าเขาก็ไม่รู้ต้องทำยังไงเหมือนกัน ฉันก็บอกว่าโอเค เขาเป็นลูกแมว เดี๋ยวลองดูว่าเราจะทำอะไรกันได้บ้าง เราก็พาเขาไปผ่าตัดที่จุฬาฯ เขาใช้เวลานานเหมือนกันในการฟื้นตัว แต่ตอนนี้เขาก็มีครอบครัวที่ดีแล้ว คุณแม่เขาก็เพิ่งส่งรูปมา เขาโตแล้ว แล้วก็มีความสุขมาก มันเป็นอะไรที่คุ้มค่าที่จะทำค่ะ
คำแนะนำของฉัน ฉันเพิ่งได้รับมาเมื่อวานนี้เองค่ะ ฉันกำลังพยายามทำอยู่ คือขอความช่วยเหลือ ขอความช่วยเหลือเลย ฉันไม่รู้มาก่อนนะ แต่เคยอ่านมาอยู่เหมือนกันว่า มันมีสิ่งที่เรียกว่าภาวะหมดไฟของผู้ดูแล มันเหมือนว่า เราประสบความสำเร็จ เราช่วยได้จริง ๆ แต่มันก็มีวันที่เรารู้สึกว่า ทำไมฉันมาทำอะไรแบบนี้? มันไม่จบสิ้นค่ะ
มันสำคัญมากที่จะต้องคุยกับคนที่ทำสิ่งเดียวกัน บางทีก็เข้าไปในคอมมูนิตี้ก็ช่วยได้เหมือนกัน ถ้าฉันรู้ว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็คงทำตั้งนานแล้ว เพราะฉันทำสิ่งนี้มาก็มากกว่าสองปีแล้วค่ะ และฉันคิดว่า ฉันน่าจะขอความช่วยเหลือตั้งแต่ก่อนหน้านี้ มันเป็นอะไรที่เหนื่อยมากจริง ๆ โดยเฉพาะถ้าทำไปพร้อมกับงานอื่น ถ้าทำคนเดียว แต่ฉันไม่ได้ทำคนเดียวแบบคนเดียวจริง ๆ เพราะมีสัตวแพทย์คนอื่น ๆ ด้วย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มันเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเห็นว่าปัญหามันใหญ่ขนาดไหน คุณจะต้องการเครือข่าย คุณจะต้องสร้างมันขึ้นมา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ฉันกำลังพยายามทำอยู่ตอนนี้ค่ะ
ที่ฉันอยากฝากก็คือ ให้เคารพแมวจรค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาในสถานการณ์แบบนี้ใช่มั้ยคะ พวกเขาไม่ได้เลือกให้เป็นแบบนี้ แค่ต้องพยายามมีชีวิตต่อไปเท่านั้นเอง ฉันเข้าใจว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะอยากหรือสามารถทำในสิ่งที่ฉันหรือคนอื่น ๆ ทำอยู่ได้ แต่ฉันคิดว่า อย่างน้อยก็คืออย่าไปทำร้านพวกเขาใช่มั้ยคะ? นั่นคือขั้นต่ำแล้ว ถ้าหากว่าคุณมีปัญหา ก็ให้ขอความช่วยเหลือ หน่วยงาน NGO หน่วยงานเอกชนต่าง ๆ พวกเขาสามารถที่จะช่วยได้ เหมือนกันกับเรื่องหมาในซอยค่ะ แม้ว่าจะไม่ได้มีปัญหานั้นในกรุงเทพเยอะมาก แต่มันคือเรื่องเดียวกัน ต้องเคารพพวกเขา เพราะเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกันค่ะ
เรื่องราวของคุณอเล็กซานดราได้สร้างแรงกระเพื่อมที่ยิ่งใหญ่ให้เราเห็นถึงพลังของความเห็นอกเห็นใจและการริเริ่มของคนตัวเล็ก ๆ ที่ส่งผลต่อสวัสดิภาพของสัตว์ ด้วยความพยายามและความทุ่มเทอย่างไม่ลดละ คุณอเล็กซานเดรียไม่ได้แค่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเหล่าแมวจรไปเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ๆ ได้ทำสิ่งดี ๆ และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตของเหล่าสัตว์โลกได้อีกด้วย
บทบาทของคุณอเล็กซานเดรียในฐานะผู้กล้า ได้ทำให้เห็นถึงศักยภาพใหม่ ๆ จากความพยายามของคน และเมื่อเราได้เห็นว่าสิ่งที่เธอทำนั้นส่งผลกระทบที่แท้จริงอย่างไร เราก็ได้เห็นว่า แม้ในช่วงเวลาที่ท้าทาย ความรักและความเห็นอกเห็นใจก็ล้วนเป็นสิ่งที่สามารถก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายได้อย่างแท้จริง ในขณะที่เรื่องราวของคุณอเล็กซานดราดำเนินต่อไป เรามาร่วมกันเดินตามแรงบันดาลใจดี ๆ และร่วมกันสร้างโลกที่เหล่าเพื่อนขนฟูของเราได้รับการดูแลและความห่วงใยอย่างที่น้อง ๆ สมควรได้รับกันเถอะ!
สัปดาห์หน้า MyFriend จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับใคร อย่าลืมมาติดตามกัน!
💙 Meet MyFriends! พาทุกคนไปทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ เจ้าของธุรกิจสัตว์เลี้ยง และผู้เชี่ยวชาญอีกมากมายที่พร้อมมาแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ให้กับชาวเพ็ทเลิฟเวอร์แบบหมดเปลือก!
🐶🐱 MyFriend แอปของเหล่าสัตว์เลี้ยง ให้คุณพ่อคุณแม่ดูแลเจ้าน้องเพื่อนซี้ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยบริการและคอนเทนต์สนุก ๆ มากมาย!
SUBSCRIBE &
STAY UPDATED
© 2023 MyFriend by Thai Innovative Technologies
© 2023 MyFriend by Thai Innovative Technologies